หัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตร่างกายมนุษย์ คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับเรื่องหัวใจในช่วงวัยสูงอายุ ก็จะต้องเข้าไปรักษาหัวใจ ไม่ว่าจะไปทำบอลลูน ใส่เส้นลวดถ่างเส้นเลือดหัวใจ หรือเคสหนักก็ทำบายพาส
หัวใจ เป็นอวัยวะที่ใช้ในการสูบฉีดเลือดให้กับร่ายกายเป็นส่วนหนึ่งของระบบไหลเวียนโลหิต โดยจะส่งเลือดจากปอดที่มีออซิเจนอยู่ในเลือดไปยังร่างกายเพื่อนำไปใช้กระบวนการต่างๆ นอกจากสูบไปแล้วก็ยังดูดกลับตามเส้นเลือดฝอยที่มีอยู่จำนวนมากมายในร่างกายเข้าสู่เส้นเลือดดำแล้วส่งไปยังปอดอีกที ปอดก็จะทำหน้าที่ฟอกให้ออกซิเจนกับเลือดแล้วก็ส่งมายังหัวใจ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดังนั้นหัวใจจึงต้องทำงานตลอดเวลาไม่สามารถหยุดได้เลย
ดูแลหัวใจอย่างไร ให้แข็งแรง
1. เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดปัญหากับหัวใจ ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารประเภทแป้ง อาหารที่มีรสหวานจัด อาหารที่มีไขมันสูง และขาดการออกกำลังกาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อันมีผลต่อการเกิดโรคหัวใจตามมา
2. ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็คความสมบูรณ์แข็งแรงของหัวใจ ด้วยการตรวจเอกซเรย์ทรวงอก ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่ไม่พร้อมในการวิ่งสายพานจะเป็นการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography) และหากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเป็นๆ หายๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์
3. ตรวจความดัน และไขมันในเส้นเลือดเป็นประจำ พยายามควบคุมความดันในเลือดให้ต่ำกว่า 115/75 เพราะค่าความดันโลหิตมีผลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่าไขมันในเลือด (คอเลสเตอรอล) การออกกำลังเป็นประจำและพยายามลดไขมันรอบเอว มีส่วนช่วยลดความดันเลือดได้ และตรวจไขมันในเลือดโดยพยายามทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) สูงกว่า 50 ด้วยการออกกำลังเป็นประจำ
4. ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนจนเกินไป หมั่นรับประทานผัก และผลไม้ เช่น ผักโขม แครอท ลูกพีช และเบอรี่ อุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงแอนตี้ออกซิแดนท์ และไฟเบอร์
5. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าเครียด เพราะความเครียดทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย โรคหัวใจและหลอดเลือด ควรทานอะไร?
1. ไฟโตสเตอรอล
สารไฟโตสเตอรอลเป็นสารที่สามารถค้นพบได้มากในพืชต่างๆ เช่น รำข้าว จมูกข้าว ไข่แดง น้ำมันพืชชนิดต่างๆ งา ปู กุ้ง และตับ โดยสารชนิดนี้จะมีโครงสร้างทางเคมีที่คล้ายๆ กับคอเลสเตอรอลที่อยู่ภายในร่างกาย แต่ในทางตรงกันข้ามสารไฟโตสเตอรอลกลับมีคุณสมบัติที่ช่วยในการลดคอเลสเตอรอลภายในร่างกายได้ ซึ่งสารไฟโตสเตอรอลจะเกิดการยับยั้งในส่วนของการดูดซึมไขมันที่ทางเดินอาหารให้ถูกขับออกจากร่างกาย โดยจะมีกระบวนการขับถ่ายออกมาในรูปของอุจจาระ ดังนั้นการบริโภคไฟโตสเตอรอลจะช่วยทำให้ระดับโคเลสเตอรอลรวม และแอลดีแอล โคเลสเตอรอล (LDLCholesterol) หรือโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ลดลง โดยที่ไม่ไปกระทบกับ เอชดีแอล โคเลสเตอรอล (HDL Cholesterol) หรือโคเลสเตอรอลชนิดดี เป็นผลให้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจลดลง
2. น้ำทับทิม กิฟฟารีน กรานาดา
น้ำทับทิมสกัดเข้มข้น ผลิตจากน้ำทับทิม 100% ผสมวิตามินซี รสชาติเปรี้ยวอมหวาน อร่อย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียมและกรดโฟลิก ช่วยลดการตกตะกอนในเส้นเลือด ช่วยให้ไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดบางลง จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดหัวใจอุดตันทำบายพาส รวมถึงโรคลิ้นหัวใจรั่ว ช่วยลดภาวะไขมันในเลือดสูง ลดการอักเสบ และมีส่วนช่วยบำรุงตับอีกด้วย
3. โคซานอล มัลติ แพลนท์ โอเมก้า 3 ออยล์
ด้วยโพลิโคชานอลสารสกัดจากไขอ้อย และโอเมก้า 3 จากพืช (น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน,น้ำมันเมล็ดแฟลทซ์,น้ำมันงา) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวม ไขมันไม่ดี (LDL) และช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ช่วยลดระดับความดันเลือด ลดความข้นหนืดของเลือด ลดการเกิดลิ่มเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยง ภาวะหลอดเลือดตีบ และตัน ลดการหนาตัวของผนังหลอดเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแข็ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโอเมก้า 3 แต่ไม่สามารถรับประทานน้ำมันปลาได้