สาธารณสุขลาวยอมรับต่อสภาแห่งชาติ ว่าใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด-19 โดยดำเนินการสั่งซื้อแจกทุกแขวงให้ใช้รักษาผู้ป่วยคู่กับยาแผนปัจจุบัน เผยคนลาวได้วัคซีนแล้วเกือบครึ่งประเทศแล้ว แต่ยอดผู้ป่วยสะสมยังพุ่งล่าสุดทะลุหมื่นคน
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ดร.บุนแฝง พูมมะไลสิด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขลาว ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาแห่งชาติ สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 1 เกี่ยวกับมาตรการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า จากการค้นคว้าของสถาบันการแพทย์และยาพื้นเมืองของลาว รวมถึงผลการศึกษาจากนานาประเทศ เกี่ยวกับสมุนไพร 3 ประเภท พบว่า ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว และ พลูคาว (ผักคาวตอง) มีคุณสมบัติที่สามารถช่วยการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19 ได้
กระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งซื้อสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด จากสถาบันการแพทย์และยาพื้นเมือง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับแผนกสาธารณสุขของทุกแขวงทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบัน และยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยตามอาการที่ปรากฏ
ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่แน่ชัดว่า กระทรวงสาธารณสุขของลาวใช้ยาแผนปัจจุบันชนิดใดในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างไรก็ตาม นับแต่โควิด-19 เริ่มระบาดในลาวเมื่อเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา ลาวได้รับคำแนะนำในการรักษาพยาบาลจากจีนเป็นส่วนใหญ่ มีทีมแพทย์ชุดใหญ่จากมณฑลยูนนานเดินทางมาลาว และร่วมให้การรักษาผู้ป่วยแล้วอย่างน้อย 2 ชุด นอกจากนี้ยังมีทีมแพทย์จากเวียดนามอย่างน้อยอีก 1 ชุด ที่เดินทางมาให้คำแนะนำ และร่วมให้การรักษากับทีมแพทย์ลาวด้วย โดยเฉพาะในแขวงภาคกลางและภาคใต้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่า การใช้สมุนไพรเพื่อรักษาโควิด-19 ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 7 วัน หรือควรปรึกษากับแพทย์ก่อนใช้ จะเป็นการดีที่สุด
ปัจจุบัน นอกจากสถาบันการแพทย์และยาพื้นเมือง ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขลาวแล้ว ภาคเอกชนของลาวเอง ก็มีโรงงานแปรรูปสมุนไพรเพื่อนำมาผลิตเป็นยาพื้นเมืองออกจำหน่ายเป็นการทั่วไป โดยมีผู้ผลิตรายใหญ่คือบริษัทเวียงทอง เทรดดิ้ง ในเมืองสีสัดตะนาก นครหลวงเวียงจัน ซึ่งผลิตและจำหน่ายยาจากสมุนไพรยี่ห้อกระทิงทอง มากกว่า 200 ชนิด และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
ข้อมูลโควิด-19 จากกระทรวงสาธารณสุขลาว วันนี้ (16 ส.ค.) ระบุว่าพบผู้ป่วยใหม่ 349 คน รวมยอดผู้ป่วยสะสม 10,441 คน กำลังรักษาตัวอยู่ 4,188 คน และเสียชีวิตรวม 9 ราย ส่วนยอดการฉีดวัคซีน ทั่วประเทศมีผู้ได้รับการฉีดแล้วทั้งสิ้น 3,206,507 คน คิดเป็น 44.5% ของประชากร ในนี้เป็นการฉีดเข็มแรก 1,717,143 คน และเข็มที่สอง 1,489,364 คน
เครดิต : mgronline.com